นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท เหรียญทองการพิมพ์ จำกัด

บริษัท เหรียญทองการพิมพ์ จำกัด จัดทำนโยบายฉบับนี้ขึ้น เพื่ออธิบายถึงวิธีการที่องค์กรปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เช่น การรวบรวม การจัดเก็บ การใช้ และการเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ เป็นต้น และเพื่อให้เจ้าของข้อมูลทราบถึง นโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(Personal Data Protection Policy)ขององค์กร องค์กรจึงประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

ขอบเขตการบังคับใช้

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ มีผลบังคับใช้กับการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน ซึ่งหมายถึงพนักงานประจำ พนักงานสัญญาจ้างแบบระบุระยะเวลาสิ้นสุดสัญญา พนักงานชั่วคราว และผู้รับเหมา รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามองค์กร

คำนิยาม

"ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

"ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว" หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

"เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลสามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

"การประมวลผล" หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย การลบ หรือการทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

  1. องค์กรจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ขององค์กรเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ขององค์กร เท่านั้น
  2. องค์กรจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการขององค์กร กรณีที่องค์กรจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล องค์กรจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้

วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

  1. องค์กรมีการรวบรวม จัดเก็บ ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของเจ้าของข้อมูลและประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การทำสัญญา การทำธุรกรรมทางการเงิน การดำเนินกิจกรรมองค์กร การติดต่อประสานงานต่าง ๆ หรือเพื่อปรับปรุงคุณภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การจัดทำฐานข้อมูล วิเคราะห์และพัฒนากระบวนการดำเนินงานขององค์กร หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย หรือเพื่อตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับองค์กร ทั้งขณะนี้และภายหน้า รวมทั้งยินยอมให้องค์กร ส่ง โอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มธุรกิจ พันธมิตรทางธุรกิจ หรือผู้ประมวลผลข้อมูล

  2. องค์กรจะจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ตามระยะเวลา หรือเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมไว้เท่านั้น หากภายหลังองค์กรมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ องค์กรจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบต่อไป

ข้อจำกัดในการใช้และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

องค์กรจะใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่ได้ขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลไว้เท่านั้น และองค์กรจะกำกับดูแลพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานขององค์กร มิให้ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ หรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่

  1. เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
  2. เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
  3. เพื่อประโยชน์ของลูกค้า และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น
  4. เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายขององค์กร หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่องค์กร
  5. เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  6. เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
  7. เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของข้อมูล

  1. องค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล จึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิ หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยขององค์กร

  2. องค์กรมีการรวบรวม จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลและประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร ซึ่งอยู่ในขอบข่ายวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ก่อนหรือขณะการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยองค์กร จะให้ความสำคัญถึงความถูกต้อง เป็นปัจจุบันของข้อมูลที่ได้จัดเก็บ และองค์กรจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูล

สิทธิของเจ้าของข้อมูล

เมื่อเจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อองค์กรแล้ว เจ้าของข้อมูลย่อมมีสิทธิขอให้องค์กรดำเนินการดังต่อไปนี้

  1. สิทธิในการขอถอนความยินยอม เมื่อได้ให้ยินยอมแล้ว เจ้าของข้อมูลฯ จะเพิกถอนการยินยอมให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิห้ามเพิกถอนตามกฎหมายหรือตามสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลฯ

ทั้งนี้ การเพิกถอนการยินยอม ไม่กระทบต่อการเก็บ/ใช้/เปิดเผยข้อมูล ซึ่งได้กระทำระหว่างที่ได้ให้ความยินยอม โดยชอบและองค์กรจะต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เมื่อมีการถอนความยินยอม

  1. สิทธิในการเข้าถึงและขอสำเนาข้อมูล เจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิที่จะเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่องค์กรรับผิดชอบอยู่ และมีสิทธิขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม
  2. สิทธิในการขอรับข้อมูลและขอให้ส่งต่อ/โอนข้อมูล เจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิขอรับข้อมูลของตนจากองค์กรได้ ในกรณีที่องค์กรจัดให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่อ่าน/ใช้งานทั่วไปและเปิดเผยได้อัตโนมัติด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์และเจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิขอให้องค์กร ส่งหรือโอนข้อมูล ของตนในรูปแบบอัตโนมัติข้างต้น ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลฯ รายอื่น เมื่อกระทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติและเจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่องค์กรส่งหรือโอนข้อมูลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลฯ รายอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ อนึ่ง การใช้สิทธิข้อนี้ เจ้าของข้อมูลต้องให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งในการขอให้องค์กร ส่งหรือโอนข้อมูลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น ซึ่งไม่อยู่ในหลักการตามนโยบายขององค์กร
  3. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม/ใช้/เปิดเผยข้อมูลของตน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิที่จะคัดค้านมิให้องค์กรเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่เป็นการดำเนินการที่องค์กรต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นกรณี การเก็บ รวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเพื่อเก็บเป็นพยานหลักฐาน สำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นระหว่างองค์กรกับลูกค้าภายในอายุความแห่งกฎหมาย
  4. สิทธิในการขอให้ลบ/ทำลายหรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลฯ ดำเนินการลบ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ หากว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ที่เคยได้แจ้งไว้ หรือดำเนินการลบ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลนั้น ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ เมื่อเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย และผู้ควบคุมข้อมูลฯ ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลนั้นอีกต่อไป หรืดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ เมื่อเจ้าของข้อมูลใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้เปิดเผยข้อมูลนั้น และผู้ควบคุมข้อมูลฯ ไม่สามารถปฏิเสธคำคัดค้านนั้นได้ หรือดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลนั้น เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูก เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ องค์กรอาจคัดค้านการใช้สิทธินี้ ถ้าการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เป็นกรณีที่องค์กรดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นกรณีเพื่อเก็บเป็นพยานหลักฐานสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นระหว่างองค์กร กับลูกค้าภายในอายุความแห่งกฎหมาย
  5. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิที่จะขอให้องค์กรระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เมื่อเจ้าของข้อมูลขอให้องค์กรดำเนินการให้ข้อมูลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และองค์กรยังไม่ดำเนินการ ทำให้เจ้าของข้อมูลร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน หรือเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เป็นข้อมูลที่ต้องลบ ทำลาย เนื่องจากองค์กรเก็บรวบรวม/ใช้/เปิดเผย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เจ้าของข้อมูลฯ ขอให้ระงับการใช้แทนการลบ ทำลาย หรือเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ แต่เจ้าของข้อมูลฯ จำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ปฏิบัติตามหรือเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเมื่อองค์กรอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อพิสูจน์ กรณีปฏิเสธคำคัดค้านของเจ้าของข้อมูลฯ เรื่องการคัดค้านในการเก็บรวบรวม/ใช้/เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล
  6. สิทธิในการขอให้ดำเนินการให้ข้อมูลถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เจ้าของข้อมูลฯ ใช้สิทธิร้องขอให้องค์กรดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูก ต้องเป็น ปัจจุบันสมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

การเปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการ แนวปฎิบัติและนโยบายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

องค์กรจะเปิดเผยแนวนโยบาย และแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ และหากมีการแก้ไขปรับปรุง องค์กร จะดำเนินการเผยแพร่ ผ่าน www.kimpai.com และ/หรือช่องทางอื่นใดที่สามารถแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงการแก้ไขปรับปรุงดังกล่าว

ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งทำหน้าที่ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

องค์กรได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลการรวบรวม การจัดเก็บการใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ต้องปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความมั่งคงปลอดภัยขององค์กร โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้คำแนะนำและตรวจสอบการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงให้คำแนะนำในการปรับปรุง พัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กร ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การใช้คุกกี้ (Cookies)

เพื่อความสะดวกในการเข้าใช้งานระบบเว็บไซต์ของผู้ใช้บริการ องค์กรอาจจะใช้ระบบคุกกี้(Cookies) ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตัวตนของผู้ใช้งาน รวมทั้งการใช้คุกกี้ เพื่อจัดเก็บข้อมูลและสถิติต่าง ๆ ของการเข้าใช้งานระบบเว็บไซต์

คุกกี้ (Cookies)เป็นไฟล์คอมพิวเตอร์เล็ก ๆ ที่จะทำการเก็บข้อมูลชั่วคราวที่จำเป็นลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร มีผลในขณะที่เข้าใช้งานระบบเว็บไซต์เท่านั้น คุกกี้จะหมดอายุหรือสิ้นผลเมื่อสิ้นสุดการใช้งานระบบเว็บไซต์หรือการเชื่อมโยงข้อมูลของบริษัทฯ หรือจนกว่าผู้ใช้บริการจะทำการลบคุกกี้นั้น หรือกระทำการที่ไม่อนุญาตให้คุกกี้นั้นทำงานอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม องค์กรได้ตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี จึงมีการใช้คุกกี้อย่างรอบคอบ โดยองค์กรมีการจัดเก็บคุกกี้จำแนกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

  1. คุกกี้ที่จำเป็น ซึ่งคุกกี้เหล่านี้ถูกใช้บนเว็บไซต์เพื่อระบุสถานะและการแสดงผลบนเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง

  2. คุกกี้ที่จัดเก็บข้อมูล ซึ่งองค์กรจะจัดเก็บเข้าระบบการให้บริการสำหรับการให้บริการระบบเว็บไซต์ เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงขององค์กรเท่านั้น โดยจะไม่มีการเปิดเผยหรือนำไปใช้ประโยชน์อื่น เว้นแต่เป็นการร้องขอตามกฎหมาย

  3. คุกกี้ที่จัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าใช้ระบบเว็บไซต์ ซึ่งองค์กรมีระบบการให้บริการในการตรวจสอบพฤติกรรมการสืบค้นข้อมูล หรือใช้บริการเชื่อมโยงข้อมูล เช่น วันและเวลาที่เข้าใช้งานระบบเว็บไซต์ การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเพจต่าง ๆ ประเภทการสืบค้น ผู้ให้บริการระบบอินเทอร์เน็ต โดยบริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านพฤติกรรม เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงเว็บไซต์และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น

  4. คุกกี้ของบุคคลที่สาม คือคุกกี้ที่เว็บไซต์อื่นๆ เป็นผู้สร้างขึ้น เว็บไซต์เหล่านี้เป็นเจ้าของเนื้อหาบางอย่าง เช่น โฆษณาหรือรูปภาพที่คุณเห็นในหน้าเว็บที่เข้าชม โดยทางเว็บไซต์มิได้ควบคุมคุกกี้เหล่านี้ หากผู้ใช้ไม่อยากรับคุกกี้เหล่านี้ สามารถตั้งค่าบราวเซอร์ เพื่อไม่ยอมรับการจัดเก็บข้อมูลของคุกกี้

ทั้งนี้ องค์กรจะนำข้อมูลที่คุกกี้ได้บันทึกหรือเก็บรวบรวมไว้ไปใช้ในการวิเคราะห์เชิงสถิติ หรือในกิจกรรมอื่นของระบบเว็บไซต์ หรือกิจการขององค์กรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการระบบเว็บไซต์ขององค์กรเท่านั้น

ชื่อคุกกี้

วัตถุประสงค์

ระยะเวลา

PHPSESSID

คุกกี้นี้มีอยู่ในแอพพลิเคชัน PHP ใช้เพื่อบันทึกการใช้เว็บไซต์ระหว่างเซสชั่น คุกกี้นี้ไม่มีข้อมูลส่วนบุคคล

24 ชั่วโมง

_ga

ถูกใช้โดย Google Analytics ในการรวบรวมข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์แบบไม่ระบุตัวตน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์เชิงสถิติ หรือในกิจกรรมอื่นของระบบเว็บไซต์

2 ปี

_ga_7KJ1GD9ESD

ถูกใช้โดย Google Analytics ในการรวบรวมข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์แบบไม่ระบุตัวตน เพื่อเก็บข้อมูลว่าผู้เข้าชมใช้เว็บไซต์อย่างไรและช่วยในการสร้างรายงานการวิเคราะห์ว่าเว็บไซต์ทำงานอย่างไร

2 ปี

การตั้งค่าคุกกี้

ผู้เข้าชมหรือผู้ใช้เว็บไซต์ สามารถใช้เครื่องมือควบคุมคุกกี้ของเว็บเบราว์เซอร์ในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าคุกกี้ได้

เว็บบราวเซอร์เกือบทั้งหมดอนุญาตให้ควบคุมคุกกี้บางตัวผ่านการตั้งค่าบราวเซอร์ (เช่น การแจ้งเตือนการติดตั้งคุกกี้ใหม่, การยกเลิกการใช้คุกกี้และการตรวจจับคุกกี้) คลิกที่ประเภทบราวเซอร์ของคุณด้านล่าง เพื่อเรียนรู้ข้อมูลผู้ใช้บราวเซอร์ และเรียนรู้การยกเลิกการติดตั้งคุกกี้

Chrome

Internet Explorer

Opera

Safari

Microsoft Edge

Firefox

ช่องทางการติดต่อองค์กร

บริษัท เหรียญทองการพิมพ์ จำกัด สาขาพระราม 3

เลขที่ 3706/1 ซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 35 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120

โทรศัพท์ 0-2294-0137

โทรสาร 0-2294-2903

บริษัท เหรียญทองการพิมพ์ จำกัด สาขาเวลโกรว์

เลขที่ 91/7 หมู่ 5 นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ซอย 6 ตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24180

โทรศัพท์ 038-570219

เว็บไซต์ www.kimpai.com